พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
หนุมานหลวงปู่เม...
หนุมานหลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ยม หนังสือนูน โหดๆ
หนุมานหลวงปู่เม้า ความงามในแบบหล่อโบราณที่เข้มขลัง เป็นเอกลักษณ์ จัดอยู่ในทำเนียบเครื่องรางยอดนิยม และสุดยอดเครื่องรางแดนอิสานของเมืองบุรีรัมย์

หนุมานหล่อโบราณพิมพ์หนังสือนูน เนื้อสัมฤทธิ์ แท้ดูง่าย มันส์เข้มขลัง ขึ้นทำเนียบเครื่องรางยอดนิยม หากสุดๆ

หลวงปู่เม้า พลวิริโย นามเดิม เม้า สุราฤร์ เกืดเมื่อวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๗ ปี ๒๔๑๗ เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี ได้บรรชาเป็นเณร โดยมีพระอาจารย์นิล ชักชวนให้อุปสมบทเป็นเณร ณ วัดใหม่เรไรทอง ท่านได้ศึกษาอยู่จนอายุได้ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทเป็นพระอยู่ที่วัดใหม่เรไรทองเช่นกัน เมื่อท่านอุปสมบทได้ ๕ พรรษาก็ได้ร่วมกับญาติโยมในถิ่นนั้นช่วยกันสร้างสาลาการเปรียญจนสำเร็จ ๑ หลัง จากนั้นก็ก็ย้ายจากวัดใหม่เรไรทองไปอยู่วัดบ้านถนนหัก และได้ศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานอยู่กับพระอาจารย์เพียร ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่โด่งดังในยุคนั้น ระหว่างนั้นท่านก็ได้สร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง กุฏิ ๑ หลังจนสำเร็จ หลังจากที่ท่านได้เรียนวิชาต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์เพียร จนหมดสิ้นแล้ว ท่านก็ได้เดินทางไปศึกษาวิชาอยู่กับพระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ ที่วัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งขณะนั้นก็มีพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระร่วมศึกษาอยู่ด้วย ต่อมาท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็ยเจ้าอาวาสวัดบ้านตะโก ท่านก็ได้พัฒนาวัดตะโกจนเป็นวัดที่ทันสมัยและเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว โดยสร้างพระอุโบสถ ๑ หลัง และสระน้ำใว้ในวัดเพื่อความสะดวกของพระภิกษุสามเณรและญาติโยมโดยทั่วไป เมื่อท่านเห็นว่าวัดตะโกนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองดีแล้ว ท่านไม่ต้องการที่จะหาความสุขส่วนตัวอยู่ที่วัดนี้ ท่านจึงย้ายไปจากวัดบ้านตะโกไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดสังเวทวิริญาวาสและได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น ๑ หลัง พระอุโบสถ ๑ หลัง กุฏิ ๑ หลัง และยังแบ่งที่ดินในวัดให้สร้างโรงเรียนอีก ๔ ไร่ เพื่อที่จะใช้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของกุลบุตรกุลธิดาของญาติโยมในถิ่นนั้น หลังจากนั้นท่านจึงได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดบ้านหนองยายพิม ท่านก็ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยและความสุขส่วนตัว ท่านยังได้ทุ่มเทกำลังกายสร้างกุฏิ ๑ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลังจนสำเร็จ หลังจากนั้นท่านจึงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดหนองสี่เหลี่ยมในปัจจุบัน และท่านก็ได้เริ่มงานพัฒนาวัดสี่เหลี่ยมโดยการสร้างพระอุโบสถ ๑ หลัง แต่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เพราะขาดทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง หลวงปู่เองก็มีอายุ ๑๐๐ ปีแล้ว จึงอยากให้พระอุโบสถหลังนี้เสร็จโดยเร็ว หลวงปู่จึงดำริที่จะสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่านขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อที่จะได้ให้ไว้เป็นเครื่องสักการะบูชายึดเหนี่ยวจิตใจ และคุ้มครองภัยตรายแก่บรรดาลูกศิษย์โดยทั่วกัน อีกทั้งจะได้นำทุนทรัพย์มาทำการบูรณะปฏิสังขรสร้างพระอุโบสถให้สำเร็จลุล่วงต่อไป

จะเห็นได้ว่าท่านเป็นพระเถระที่น่าเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง นอกจากท่านจะบริหารงานในวัดต่างๆ ให้เจริญรุ่งเรืองแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนา นักก่อสร้างที่มีฝีมือไม่น้อย ใช่แต่เท่านั้นท่านยังเป็นพระเคร่งวิปัสสนากัมมัฏฐานที่เชี่ยวชาญในไสยเวทย์สูงยิ่งอีกรูปหนึ่ง โดยเฉพาะตระกรุดที่ท่านได้สร้างขึ้นในโอกาสต่างๆ เป็นที่นิยมนับถือของมหาชนทั่วไปและน้ำมนต์ก็เป็นสิ่งที่บรรดาลูกศิษย์ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อกันว่าถ้าได้อาบน้ำมนต์ของหลวงปู่แล้วจะทำมาค้าขึ้น มีโชคลาภและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และถ้าได้ดื่มน้ำมนต์ของหลวงปู่ติดต่อกันเจ็ดเสาร์จะไม่มีวันตายโหง โดยเฉพาะวิธีการเศกน้ำมนต์ของหลวงปู่ ท่านจะเศกน้ำมนต์เฉพาะวันเสาร์ ท่านจะเศกจนกระทั่งบาตรน้ำมนต์มีความเย็นมากจึงจะนำไปใช้ได้ จะเห็นได้ว่าพลังจิตของท่านนั้นนิ่งสงบและบริสุทธิ์จริงๆ

หลวงปู่เม้า ท่านปลุกเสกหนุมานแบบรู้จริง ดีจริงทรงฤทธิ์จริง คุ้มตัวได้จริง ตามตำราวิชาโบราณ และมีหนุมานตนแม่ตนครูที่ทำไว้บูชาอยู่บนเขาพนมรุ้ง อารธนาติดตัวคิดทำสิ่งใดก็สำเร็จ มีคนรักคนเมตตาเป็นที่รักใคร่ของญาติมิตรวงศ์วาน และผู้ที่ได้พบปะพูดคุย การงานจะเจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง มีโชคลาภ วาสนา แคล้วคลาดปลอดภัย นิรันตราย

พระคาถาบูชา "มะอะอุ หะนุมานะ นะสังสะตัง นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ"

สัมฤทธิ์หรือสำริด มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต ตรงกับภาษาบาลีว่า สมิทฺธิ หมายถึง“ ความสำเร็จ จึงนำโลหะสำริดซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมกว่าเหล็ก ไปหล่อเป็นรูปเคารพสร้างสรรค์เป็นงานศิลปกรรม เพื่อสนองตอบความเชื่อ ประเพณีและพิธีกรรม เช่น สร้างเป็นเทวรูป พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ ฯลฯ ยกย่องเป็นสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ สามารถดลบันดาลให้สำเร็จประโยชน์ และทำให้อยู่เย็นเป็นสุข ตามความเชื่อในแต่ละลัทธิศาสนา

โลหะสัมฤทธิ์โบราณ ประกอบไปด้วยธาตุบริสุทธิ์ตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไปโดยมี แร่ทองคำและเงินเป็นหลัก ถ้าไม่มีจะไม่ถือว่าเป็นสัมฤทธิ์ และที่เป็นหลักอีกอย่างคือทองแดง ซึ่งจะใช้มากเพื่อให้ได้ปริมาณ

- สำริดทองแดงเถื่อน -
1:มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม โดดเด่น
2:คงกระพัน ยิงไม่ออก (แต่อย่าไปหาเรื่องเอง)
3:กันคุณไสยมนต์ดำ การกระทำย่ำยีทุกชนิด
4:มีแต่คนรักใคร่ทั้งชายและหญิง
5:คล่องแคล่วว่องไว เตือนภัยให้กับผู้ที่ครอบครอง
6:การงานก้าวหน้า ค้าขายดี มีโชคลาภ (ต้องมีศรัทธาบูชาให้ถูกต้อง)
7:ป้องกันภูตผีปีศาจ เวลาจำเป็นต้องไปสถานที่มีสิ่งอัปมงคล
8:งานติดต่อทางธุรกิจ หรือ ต้องเข้าหาผู้ใหญ่ จะช่วยได้มาก
9:คุ้มครองผู้บูชาให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย
ผู้เข้าชม
796 ครั้ง
ราคา
ขายแล้ว
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
ชื่อร้าน
บารมีหลวงปู่เม้า
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
tum_lawyer
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 008-8-46367-6
2. ธนาคารทหารไทย / 513-2-27866-3

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
NongBossPuthon161930jazzsiam amuletจิ๊บพุทธะมงคลว.ศิลป์สยามภูมิ IR
aonsamuiยุ้ย พลานุภาพเสน่ห์พระเครื่องsomemanLungchadkumpha
แมวดำ99sun99พีพีพระสมเด็จเทพจิระบี บุรีรัมย์tplas
Popgomesเอ็ม คงกะพันBeerchang พระเครื่องholypanyadvmfuchoo18ยอด วัดโพธิ์
Achinattapong939termboonน้ำตาลแดงSpidermanเนินพระ99

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1671 คน

เพิ่มข้อมูล

หนุมานหลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ยม หนังสือนูน โหดๆ




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
หนุมานหลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ยม หนังสือนูน โหดๆ
รายละเอียด
หนุมานหลวงปู่เม้า ความงามในแบบหล่อโบราณที่เข้มขลัง เป็นเอกลักษณ์ จัดอยู่ในทำเนียบเครื่องรางยอดนิยม และสุดยอดเครื่องรางแดนอิสานของเมืองบุรีรัมย์

หนุมานหล่อโบราณพิมพ์หนังสือนูน เนื้อสัมฤทธิ์ แท้ดูง่าย มันส์เข้มขลัง ขึ้นทำเนียบเครื่องรางยอดนิยม หากสุดๆ

หลวงปู่เม้า พลวิริโย นามเดิม เม้า สุราฤร์ เกืดเมื่อวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๗ ปี ๒๔๑๗ เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี ได้บรรชาเป็นเณร โดยมีพระอาจารย์นิล ชักชวนให้อุปสมบทเป็นเณร ณ วัดใหม่เรไรทอง ท่านได้ศึกษาอยู่จนอายุได้ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทเป็นพระอยู่ที่วัดใหม่เรไรทองเช่นกัน เมื่อท่านอุปสมบทได้ ๕ พรรษาก็ได้ร่วมกับญาติโยมในถิ่นนั้นช่วยกันสร้างสาลาการเปรียญจนสำเร็จ ๑ หลัง จากนั้นก็ก็ย้ายจากวัดใหม่เรไรทองไปอยู่วัดบ้านถนนหัก และได้ศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานอยู่กับพระอาจารย์เพียร ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่โด่งดังในยุคนั้น ระหว่างนั้นท่านก็ได้สร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง กุฏิ ๑ หลังจนสำเร็จ หลังจากที่ท่านได้เรียนวิชาต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์เพียร จนหมดสิ้นแล้ว ท่านก็ได้เดินทางไปศึกษาวิชาอยู่กับพระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ ที่วัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งขณะนั้นก็มีพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระร่วมศึกษาอยู่ด้วย ต่อมาท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็ยเจ้าอาวาสวัดบ้านตะโก ท่านก็ได้พัฒนาวัดตะโกจนเป็นวัดที่ทันสมัยและเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว โดยสร้างพระอุโบสถ ๑ หลัง และสระน้ำใว้ในวัดเพื่อความสะดวกของพระภิกษุสามเณรและญาติโยมโดยทั่วไป เมื่อท่านเห็นว่าวัดตะโกนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองดีแล้ว ท่านไม่ต้องการที่จะหาความสุขส่วนตัวอยู่ที่วัดนี้ ท่านจึงย้ายไปจากวัดบ้านตะโกไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดสังเวทวิริญาวาสและได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น ๑ หลัง พระอุโบสถ ๑ หลัง กุฏิ ๑ หลัง และยังแบ่งที่ดินในวัดให้สร้างโรงเรียนอีก ๔ ไร่ เพื่อที่จะใช้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของกุลบุตรกุลธิดาของญาติโยมในถิ่นนั้น หลังจากนั้นท่านจึงได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดบ้านหนองยายพิม ท่านก็ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยและความสุขส่วนตัว ท่านยังได้ทุ่มเทกำลังกายสร้างกุฏิ ๑ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลังจนสำเร็จ หลังจากนั้นท่านจึงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดหนองสี่เหลี่ยมในปัจจุบัน และท่านก็ได้เริ่มงานพัฒนาวัดสี่เหลี่ยมโดยการสร้างพระอุโบสถ ๑ หลัง แต่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เพราะขาดทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง หลวงปู่เองก็มีอายุ ๑๐๐ ปีแล้ว จึงอยากให้พระอุโบสถหลังนี้เสร็จโดยเร็ว หลวงปู่จึงดำริที่จะสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่านขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อที่จะได้ให้ไว้เป็นเครื่องสักการะบูชายึดเหนี่ยวจิตใจ และคุ้มครองภัยตรายแก่บรรดาลูกศิษย์โดยทั่วกัน อีกทั้งจะได้นำทุนทรัพย์มาทำการบูรณะปฏิสังขรสร้างพระอุโบสถให้สำเร็จลุล่วงต่อไป

จะเห็นได้ว่าท่านเป็นพระเถระที่น่าเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง นอกจากท่านจะบริหารงานในวัดต่างๆ ให้เจริญรุ่งเรืองแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนา นักก่อสร้างที่มีฝีมือไม่น้อย ใช่แต่เท่านั้นท่านยังเป็นพระเคร่งวิปัสสนากัมมัฏฐานที่เชี่ยวชาญในไสยเวทย์สูงยิ่งอีกรูปหนึ่ง โดยเฉพาะตระกรุดที่ท่านได้สร้างขึ้นในโอกาสต่างๆ เป็นที่นิยมนับถือของมหาชนทั่วไปและน้ำมนต์ก็เป็นสิ่งที่บรรดาลูกศิษย์ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อกันว่าถ้าได้อาบน้ำมนต์ของหลวงปู่แล้วจะทำมาค้าขึ้น มีโชคลาภและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และถ้าได้ดื่มน้ำมนต์ของหลวงปู่ติดต่อกันเจ็ดเสาร์จะไม่มีวันตายโหง โดยเฉพาะวิธีการเศกน้ำมนต์ของหลวงปู่ ท่านจะเศกน้ำมนต์เฉพาะวันเสาร์ ท่านจะเศกจนกระทั่งบาตรน้ำมนต์มีความเย็นมากจึงจะนำไปใช้ได้ จะเห็นได้ว่าพลังจิตของท่านนั้นนิ่งสงบและบริสุทธิ์จริงๆ

หลวงปู่เม้า ท่านปลุกเสกหนุมานแบบรู้จริง ดีจริงทรงฤทธิ์จริง คุ้มตัวได้จริง ตามตำราวิชาโบราณ และมีหนุมานตนแม่ตนครูที่ทำไว้บูชาอยู่บนเขาพนมรุ้ง อารธนาติดตัวคิดทำสิ่งใดก็สำเร็จ มีคนรักคนเมตตาเป็นที่รักใคร่ของญาติมิตรวงศ์วาน และผู้ที่ได้พบปะพูดคุย การงานจะเจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง มีโชคลาภ วาสนา แคล้วคลาดปลอดภัย นิรันตราย

พระคาถาบูชา "มะอะอุ หะนุมานะ นะสังสะตัง นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ"

สัมฤทธิ์หรือสำริด มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต ตรงกับภาษาบาลีว่า สมิทฺธิ หมายถึง“ ความสำเร็จ จึงนำโลหะสำริดซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมกว่าเหล็ก ไปหล่อเป็นรูปเคารพสร้างสรรค์เป็นงานศิลปกรรม เพื่อสนองตอบความเชื่อ ประเพณีและพิธีกรรม เช่น สร้างเป็นเทวรูป พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ ฯลฯ ยกย่องเป็นสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ สามารถดลบันดาลให้สำเร็จประโยชน์ และทำให้อยู่เย็นเป็นสุข ตามความเชื่อในแต่ละลัทธิศาสนา

โลหะสัมฤทธิ์โบราณ ประกอบไปด้วยธาตุบริสุทธิ์ตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไปโดยมี แร่ทองคำและเงินเป็นหลัก ถ้าไม่มีจะไม่ถือว่าเป็นสัมฤทธิ์ และที่เป็นหลักอีกอย่างคือทองแดง ซึ่งจะใช้มากเพื่อให้ได้ปริมาณ

- สำริดทองแดงเถื่อน -
1:มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม โดดเด่น
2:คงกระพัน ยิงไม่ออก (แต่อย่าไปหาเรื่องเอง)
3:กันคุณไสยมนต์ดำ การกระทำย่ำยีทุกชนิด
4:มีแต่คนรักใคร่ทั้งชายและหญิง
5:คล่องแคล่วว่องไว เตือนภัยให้กับผู้ที่ครอบครอง
6:การงานก้าวหน้า ค้าขายดี มีโชคลาภ (ต้องมีศรัทธาบูชาให้ถูกต้อง)
7:ป้องกันภูตผีปีศาจ เวลาจำเป็นต้องไปสถานที่มีสิ่งอัปมงคล
8:งานติดต่อทางธุรกิจ หรือ ต้องเข้าหาผู้ใหญ่ จะช่วยได้มาก
9:คุ้มครองผู้บูชาให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย
ราคาปัจจุบัน
ขายแล้ว
จำนวนผู้เข้าชม
797 ครั้ง
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
ชื่อร้าน
บารมีหลวงปู่เม้า
URL
เบอร์โทรศัพท์
0874413720
ID LINE
tum_lawyer
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
3. ธนาคารกสิกรไทย / 008-8-46367-6
4. ธนาคารทหารไทย / 513-2-27866-3




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี